Ground and Grow ธุรกิจไมโครกรีน กับการเติบโตอย่างมั่นคงจากภายใน

มาทำความรู้จัก น้องเพ็ญ เพ็ญจุรี วีระธนาบุตร อาสาสมัครเกษตรอินทรีย์ ชุมชนนิเวศสันติวนา รุ่นที่ 1 (รุ่นบุกเบิก)

ปัจจุบันเป็นเจ้าของธุรกิจเล็กๆ ที่เติบโตมาจากการค้นหาตัวตนกับจุดเปลี่ยนต่างๆของช่วงชีวิต นำไปสู่งานอิดเรกที่สร้างรายได้ อย่าง GROUND AND GROW

จุดเริ่มต้นของ Ground and Grow คืออะไร

จำจุดเริ่มต้นได้อย่างดีเลย  เริ่มต้นจากการอบรมปลูกผักที่สวนผักบ้านคุณตา วิทยากรพูดถึงการเพาะต้นอ่อน หรือ ไมโครกรีน ตอนนั้นก็รู้สึกไฟลุกเลย สนใจมาก ยิ่งทราบว่าปลูกง่าย ไม่ยาก ไม่ต้องใช้พื้นที่มาก เหมาะกับพื้นที่และเงื่อนไขต่างๆของตัวเองมาก ที่สำคัญคือไมโครกรีนสามารถทำขายได้  จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่สนใจ

หลังจากการอบรม เพ็ญได้กลับมาศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมจากยูทูปบ้าง อ่านหนังสือบ้าง ทั้งของไทย และต่างประเทศ พอเริ่มศึกษาจึงเข้าใจหลักการต่างๆมากขึ้นและมองเห็นช่องทางในการต่อยอดเป็นธุรกิจเล็กๆได้ เลยมาทดลองปลูก ลองผิดลองถูกไปเรื่อยๆ จริงๆก่อนหน้านั้นเพ็ญได้ลองมาทำเกษตรอินทรีย์แบบปลูกผักเป็นต้นๆมาก่อน เช่น คะน้า สลัด แต่ผลที่ได้ยังไม่ดีพอ  เลยรู้ว่าตัวเองอาจจะยังไม่ได้พร้อม ดังนั้นจึงตัดสินใจว่า ไมโครกรีนน่าจะเหมาะกับตัวเองมากที่สุด

หลังจากลองลงมือปลูกไมโครกรีนจนเข้าที่เข้าทาง มีเพื่อนชวนไปออกบูธงานแฟร์ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพ็ญจึงได้ลองทำแพคเกจจิ้ง ทำโลโก้แบบง่ายๆ ลองนำไปวางขาย ปรากฎว่า สินค้าพอขายได้ หลังจากนั้นเพ็ญจึงลองทำมาเรื่อยๆ โดยเน้นขายทางออนไลน์ เปิดเพจประชาสัมพันธ์ มีช่องทางการติดต่อสื่อสารสำหรับการสั่งซื้อ ขายไปได้สักประมาณ 3-4 เดือน  มีตัวแทนจากร้านอาหารติดต่อมาขอรับซื้อไมโครกรีนเพื่อส่งร้านอาหารอาทิตย์ ละ 10-20 ชุด ถือว่าได้ลูกค้าประจำมาจนถึงทุกวันนี้

ทำไมต้อง Ground and Grow

Ground มาจาก grounded แปลประมาณว่า รากฐาน ความมั่นคง ซึ่งจริงๆมันเชื่อมโยงกับชีวิตของเพ็ญช่วงนั้นที่กำลังต้องการความมั่นคง ลงมือ ลงรากฐาน (grounded) อะไรบางอย่าง ในชีวิต เหมือนเราทำงานอะไรมามากมาย และเหมือนเรารู้เยอะแล้ว หรือไปลองทำโน่นนั่นนี้มาเยอะ เช่น ไปเรียนปลูกผักมาเยอะ รู้ทฤษฎีเยอะ แต่พอทำเข้าจริงๆ แล้ว มันไม่เหมือนสิ่งที่เรารู้มาเลย ดังนั้นจึงทำให้คิดได้ว่าถึงเรารู้เยอะแค่ไหน แต่สิ่งสำคัญคือการลงมือทำ ดังนั้นจึงตัดสินใจ มาลองgrounded กับตัวเอง  และground กับพื้นดินด้วย เลยคิดเรา Ground and Grow และเพ็ญเองเลยเติบโตจากตรงนั้น

ไมโครกรีนของ Ground and Grow มีอะไรบ้าง มีผลิตภัณฑ์อะไรจำหน่ายบ้าง

หลักๆมีสองแบบคือ ชุดพร้อมปลูกไมโครกรีน และผักไมโครกรีนสดๆ พร้อมตัดทาน ซึ่งเมล็ดพันธุ์ส่วนใหญ่เป็นเมล็ดพันธุ์นำเข้า เช่น   ผักโขมแดง ร็อคเกต เรดิชม่วง  เรดิชชมพู เรดิชสีขาว มิซูน่ามัสตาส    อิตาเลียนเบซิล (ได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะมีกลิ่นหอม) นอกจกานั้นยังมี มีการอบรมเรื่องไมโครกรีน และการออกร้าน ออกบูธตามงานต่างๆ

เป้าหมายของ Ground and Grow

จริงๆ ตอนแรกที่เริ่มทำคาดหวังให้เป็นธุรกิจได้ แต่ตอนนี้ไม่ได้คาดหวังถึงขั้นนั้นแล้ว อาจจะเป็นธุรกิจเสริม ตอนนี้เลยอยากเรียกว่า เป็นงานอดิเรกที่สร้างรายได้ได้จะดีกว่า เพราะถ้าทำธุรกิจจริง คงจะต้องมีการวางแผนและตั้งเป้าหมายเชิงธุรกิจ

ซึ่งมองว่ามันไม่ใช่ธรรมชาติของเพ็ญเท่าไหร่นัก และไม่ได้ที่จะขยายยอดขายในปริมาณที่มากๆ แต่อยากค่อยๆทำไปอย่างมีคุณภาพแล้วเน้นไปที่ผู้รับว่าผู้รับคุณค่าอะไรจากการปลูกไมโครกรีนมากกว่า  ซึ่งช่วงหลังเลยเบนเข็มไปทางฝึกอบรม และกิจกรรมการปลูกผักเพื่อการบำบัดมากขึ้น

ทำไมจึงสนใจเรื่องการปลูกเพื่อบำบัด

เพ็ญเองมีพื้นฐานของการทำงานด้านกระบวนการเรียนรู้ภายใน ซึ่งการทำงานแนวนี้เราเชื่อว่า การที่จะเปลี่ยนแปลงสังคมได้นั้นจะต้องเกิดจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมภายในของตัวเองก่อน เพ็ญได้เรียนรู้เกี่ยวกับจิตวิทยา หรือหลักธรรม ซึ่งต้องปรับสมดุลระหว่าง สองสิ่งนี้ให้ดี เพราะกระบวนการเรียนรู้ภายในมันจะค่อนข้างเป็นนามธรรมมากๆ เราต้องเอามาผสมผสานกับการลงมือทำจริงด้วย

เรียนรู้อะไรจาก Ground and Grow

จริงๆ รู้สึกว่า เพ็ญได้กลับมาเป็นตัวเพ็ญได้อีกครั้งคือตั้งแต่ช่วงที่ไปฝึกเป็นอาสาสมัครที่ชุมชนนิเวศสันติวนาแล้ว พอได้เริ่มทำอะไรซ้ำๆ ได้เพาะเมล็ด ถอนหญ้า ทำงานทุกอย่างในสวน จนมาถึงการทำ Ground and Grow  มันเป็นสิ่งที่ทำให้เพ็ญได้นำความรู้ต่างๆมาลงมือทำจริงๆ ต่อให้มันเป็นงานประจำวันที่ต้องทำเหมือนเดิมๆทุกวัน แต่วันคือการทำซ้ำๆที่ทำให้เห็นการเปลี่ยนแปลงในการทำแต่ละครั้ง ตัวงานมันซ้ำๆก็จริง แต่ว่าแต่ละครั้งมันไม่เหมือนเดิมเลย  ส่วนมุมอื่นๆ เพ็ญได้เรียนรู้การทำงานร่วมกับผู้อื่น การทำงานเชิงธุรกิจ แบบที่ไม่เคยทำมาก่อน ซึ่งถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆเช่นกัน

ความท้าทายระหว่างการเติบโต

พอเราทำคนเดียว มันจะมีเรื่องเงินทุนในการตั้งต้น เพราะในมุมมองคิดว่าการทำเกษตรอินทรีย์มีต้นทุนค่อนข้างสูง โดยเฉพาะค่าขนส่ง เพราะเราทำในปริมาณที่น้อย บางทีค่าขนส่งมีราคาแพงกว่าค่าผลิตภัณฑ์เสียอีก

ยังมีเรื่องแนวคิดเกษตรอินทรีย์ โดยเฉพาะไมโครกรีน มีหลายเจ้าที่ปลูกในน้ใช้สารละลาย อยู่ในห้องควบคุมอุณหภูมิ ซึ่งตัวเพ็ญเองต้องทำความเข้าใจกับลูกค้าหรือผู้ที่สนใจว่า ของเราเป็นแบบอินทรีย์ไม่ได้ปลูกในน้ำ ใช้มูลไส้เดือนและขุยมะพร้าว ถึงแม้บางทีไมโครกรีนที่ได้ออกมาจะไม่สวยงามบ้าง เรายิ่งต้องทำความเข้าใจกับลูกค้า

มองอนาคตไว้ว่าอย่างไร

เพ็ญสนใจเกี่ยวกับ horticulture Therapy  หรือ สวนบำบัด จึงได้ลงเรียนออนไลน์ของ มหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนา (University of North Carolina)   วางแผนอนาคตอยากจะขยายทำในแนวทางนี้และหาแนวร่วมทำเรื่องนี้ด้วยกัน  จริงๆในประเทศไทยมีการทำเรียนนี้แต่ยังไม่ได้ทำเป็นกิจลักษณะ  เพ็ญลองคิดว่าถ้าเรานำเอาไมโครกรีนมาใช้กับผู้ป่วยที่อยู่ในโรงพยาบาลที่ไม่สามารถลุกขึ้นมาทำสวนได้ก็คงจะดีไม่น้อย เนื่องจากไมโครกรีนเป็นพืชที่เห็นวงจรชีวิตการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว เห็นการงอก การเปลี่ยนสีสัน เห็นความเป็นไปในระยะเวลาที่สั้นๆ ได้อย่างชัดเจน  หวังว่าโปรเจคนี้จะได้เกิดขึ้นในเร็ววัน

สอบถาม ทักทายไปพูดคุยเรื่องไมโครกรีน และสนับสนุนน้องเพ็ญได้ที่ 

https://www.facebook.com/groundandgrow/

LINE: @groundandgrow

โทร 098 454 6549